ศูนย์สุขภาพ มหาวิทยาลัยศรีปทุม

ศูนย์สุขภาพ มหาวิทยาลัยศรีปทุม

มีสถานที่รองรับในการออกกำลังกายที่ทันสมัย สะดวก ปลอดภัย ด้วยอุปกรณ์ที่หลากหลาย และกิจกรรมหลายอย่าง เช่น ฟิตเนส แอโรบิค โยคะ ฟิตบอล แอโรคิกบ๊อกซิ่ง เป็นต้น


อุปกรณ์ออกกำลังกาย
แอโรบิค
Aerobics Exercise แอโรบิก เป็นการเต้นประกอบเพลงด้วยท่าที่ง่าย สนุกสนาน ไม่ซับซ้อน เน้นการเคลื่อนไหวส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะแขนและขา การเต้นแอโรบิกเป็นประจำจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตในร่างกาย ให้ทำงานได้ดีขึ้น ร่างกายแข็งแรง สดชื่น กระปรี้กระเปร่า เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น หรือผู้ที่ไม่ได้ออกกำลังกายมาเป็นเวลานาน
ประโยชน์
•    ช่วยให้เกิดความอดทนแก่กล้ามเนื้อหัวใจ
•    ระบบการหายใจทำงานได้เต็มที่มากขึ้น
•    ช่วยลดระดับไขมันในเส้นเลือด
•    ช่วยสร้างกล้ามเนื้อ และความแข็งแรงให้แก่ร่างกาย


โยคะ
โยคะ หมายถึง การสร้างความสมดุลของร่างกาย-จิตใจ และจิตวิญญาณ โดยรวมให้เป็นหนึ่งเดียว
ประโยชน์ของโยคะ
•    กล้ามเนื้อ ข้อต่อ และเอ็น ยืดหยุ่นมากขึ้น การทรงตัวดีขึ้น
•    ปรับสภาพกระดูกสันหลัง บำบัดอาการปวดหลัง คอ และศีรษะ
•    เพิ่มการไหลเวียนของเลือด บำบัดโรคภูมิแพ้
•    กระตุ้นสมองให้ความจำดีขึ้น คลายความเครียด แก้โรคนอนไม่หลับ
•    ช่วยนวดอวัยวะภายในให้แข็งแรงขึ้น เช่น หัวใจ มดลูก กระเพาะอาหาร ตับ ไต เป็นต้น
•    ทำให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้น เลือดไปที่ไตล้างไตให้สะอาดขึ้น ระบบการหายใจจะโล่งขึ้น
•    ปรับระบบย่อยอาหารให้ดีขึ้น
•    ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ ผิวพรรณผ่องใส
•    ทำให้การเผาผลาญแคลอรีในร่างกายเพิ่มขึ้น ได้พลังงานเสริมความแข็งแรง
•    ช่วยลดน้ำหนัก ร่างกายมีสัดส่วนดีขึ้น

แอโรคิกบ็อกซิ่ง
ออกกำลังกาย แอโรบ็อกซิ่ง Aeroboxing Exercise ออกกำลังกายโดยใช้ทักษะการป้องกันตัวต่างๆ มาประยุกต์ใช้ ซึ่งเป็นการบริหารหัวใจ เสริมสร้างกล้ามเนื้อ และเผาผลาญไขมันสาธิตการออกกำลังกายประกอบจังหวะ เต้นตามครูฝึกได้ทันที

บริหารหน้าท้อง
เป็นเรื่องไม่ยากแต่ก็ไม่ง่าย เพราะต้องอาศัยความตั้งใจ มุ่งมั่น อดทน และเสมอต้นเสมอปลาย ถ้าอยากประสบผลสำเร็จให้หมั่นจินตนาการรูปร่างตนเองตอนหุ่นกำยำล่ำบึก หน้าท้องแบนราบไว้บ้างก็จะเป็นแรงใจได้ดีทีเดียว การลดหน้าท้องให้ได้ผลต้องผสานควบคู่ไปกับการดูแลเรื่องอาหารการกิน หยุดตามใจปาก หลีกเลี่ยงอาหารจำพวกแป้ง น้ำตาล และไขมันเอาไว้ ขณะเดียวกันต้องออกกำลังกายอย่างถูกวิธี

สิ่งแรกที่พึงปฏิบัติ และต้องเคร่งครัดเสมอก่อนการบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้องทุกครั้ง คุณจะต้องทำการ stretching ประมาณ 20 นาที เพื่อยืดกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ เหมือนปลุกให้กล้ามเนื้อของคุณตื่นขึ้นมาพร้อมรับงานหนักเสียก่อน ขั้นตอนนี้จะช่วยลดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อได้มาก เช่น การยึดแขน ขา บิดลำตัว หมุนข้อต่างๆ ตามหลัก stretching อันเป็นพื้นฐานสำหรับการออกกำลังกายทุกชนิดทุกประเภท หลังจากนั้นให้ตามด้วยการออกกำลังกายแบบแอโรบิค คือการออกกำลังกายต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 15-45 นาที เพื่อวอร์มอัพร่างกาย

กล้ามเนื้อหน้าท้องคนเราแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ หน้าท้องส่วนบน หน้าท้องส่วนกลาง และหน้าท้องส่วนล่าง ถ้าจะให้พุงของคุณแบนราบกลับไปเหมือนเมื่อเป็นหนุ่ม ก็ควรบริหารให้ครบทั้ง 3 ส่วน ในหนึ่งคราว

วิธีบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้องให้แบนราบอย่างถูกต้อง ควรปฏิบัติดังนี้
1 คุณต้องบริหารอย่างช้าๆ และตั้งใจ บริหารอย่างเต็มที่ อย่ารีบทำเร็วๆ และอย่ากระตุก
2 ขณะบริหารพยายามให้กล้ามเนื้อหดตัวมากที่สุด เพื่อให้กล้ามเนื้อเคลื่อนไหว และทำงานอย่างเต็มที่
3 ควรบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้อง สัปดาห์ละ 3-4 ครั้งก็พอ ไม่จำเป็นต้องบริหารทุกวัน ถ้าจะให้ดี ควรบริหารวันเว้นวัน
4 ในกรณีที่บริหารกล้ามเนื้อส่วนอื่นด้วย คุณต้องเก็บการบริหารหน้าท้องไว้ตอนท้ายสุด เพราะถ้าเริ่มต้นเล่นด้วยการบริหารหน้าท้องก่อนร่างกายจะเหนื่อยล้า ทำให้ไม่สามารถบริหารส่วนอื่นได้ อย่างเต็มที่
5 ควรบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้องให้ครบทั้ง 3 ส่วน

หลักการบริหารหน้าท้อง
- ถ้าต้องการบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้องส่วนบน ต้องล็อคตัวส่วนล่างอย่าให้ขยับ
- ถ้าต้องการบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้องส่วนล่าง ต้องล็อคตัวส่วนบนอย่าให้ขยับ

พบกับคลาสบริหารหน้าท้องกับเราได้ที่ศูนย์สุขภาพอาคาร 9 ชั้น 11
ทุกวันจันทร์  วันพุธ และวันศุกร์     เวลา 18.00-18.30 น.
ทุกวันอังคาร และวัพฤหัสบดี    เวลา 16.00-16.30 น.

ฟิตบอล
 “ฟิตบอล อีกทางเลือกของผู้รักการออกกำลังกาย
สำหรับบรรดาผู้รักสุขภาพและรักการออกกำลังกายแล้ว ขณะนี้ ฟิตบอลถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกใหม่ในการออกกำลังกายที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทุกขณะ ทั้งในวงการฟิตเนสต่างประเทศรวมถึงในประเทศไทย โดยเฉพาะบรรดาสาวๆสมัยใหม่ทั้งหลาย

ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติและความเป็นมาของฟิตบอลว่า ในปี ค.ศ.1963 ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ได้มีการนำลูกบอลมาใช้ในการบริหารและเรียกการออกกำลังกายชนิดนี้ว่า สวิสบอลโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อออกกำลังกายและทำกายภาพบำบัดผู้ป่วยหลังการผ่าตัดกระดูก ให้สามารถยืดหยุ่นกล้ามเนื้อและร่างกายให้ดีขึ้น

ต่อมาทางสหรัฐอเมริกาเห็นถึงประโยชน์ของการฝึกสวิสบอล จึงได้นำมาประยุกต์ใช้สำหรับคนปกติ พร้อมทั้งคิดค้นและผสมผสานกับหลักการการออกกำลังกายแบบแอโรบิกเข้าไป รวมทั้งเลือกเพลงประกอบการฝึกที่สนุกสนานแล้วเรียกชื่อใหม่ว่า ฟิตบอล

อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่ลูกฟิตบอลทำจากยางสังเคราะห์ที่มีคุณสมบัติพิเศษ สามารถรับน้ำหนักได้เป็นอย่างดีมีความยืดหยุ่นสูง จึงได้มีการนำไปใช้ประกอบการออกกำลังกายชนิดอื่นๆ ได้อีกด้วย เช่น โยคะ  พิลาทีส

การออกกำลังกายด้วยฟิตบอลทำให้ผู้เล่นสนุกสนาน เราสามารถขึ้นไปนั่งหรือนอนบนลูกบอลได้
สบายๆ แถมยังโยกตัวหมุนซ้ายขวาได้ตามทิศทางที่เรากำหนด ขณะเดียวกันความกลมกลิ้งของลูกบอลที่กระเด้งกระดอนยังช่วยให้ผู้เล่นสนุกสนานไปพร้อมๆ กันด้วย

ฟิตบอลเป็นการออกกำลังกายที่สามารถเล่นได้ทุกเพศทุกวัย อีกทั้งอุปกรณ์ที่เป็นลูกบอลซึ่งช่วยให้ผู้เล่นสนุกสนานไปกับการออกกำลังกาย และยังช่วยให้ผู้ที่ไม่สามารถเล่นฟิตเนส รวมทั้งการเต้นแอโรบิกสามารถที่จะเล่นฟิตบอลได้

ส่วนประโยชน์ที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ ฟิตบอลจะช่วยบริหารร่างกายส่วนบน ตั้งแต่หัวไหล่ หน้าท้อง แผ่นหลัง ไปจนถึงสะโพกและต้นขา ซึ่งนำมาปรับใช้ในการบำบัดรักษาอาการบางอย่างเช่น อาการปวดหลัง ปวดไขข้อกระดูก

ขณะที่การควบคุมแรงดีดกลับของลูกบอลก็ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ เพิ่มประสิทธิภาพในการทรงตัวและการทำงานของอวัยวะแต่ละส่วนให้สัมพันธ์กัน รวมถึงสามารถประยุกต์ท่าทางตั้งแต่ยืดเส้นสาย การควบคุมการหายใจ การบริหารกล้ามเนื้อ

นอกจากนั้น การยกน้ำหนักแบบฟรีเวต (free weight) หรือแม้แต่โยคะสามารถนำมาใช้กับฟิตบอลได้อีกด้วย ที่สำคัญคนที่ไม่สะดวกในการกระโดดโลดเต้นกับพื้นแบบแอโรบิกแบบเดิมๆ เช่น หญิงมีครรภ์ ผู้สูงอายุ สามารถนั่งบริหารบนฟิตบอลทดแทนได้เช่นกัน

เริ่มเล่นฟิตบอล
สำหรับการเตรียมตัวเพื่อมาเล่นฟิตบอลนั้น ก็คล้ายกับการเตรียมตัวมาเล่นฟิตเนส คือ ใส่เสื้อผ้าที่เหมาะกับรูปร่าง ไม่รัดจนเกินไป เพื่อให้การเคลื่อนไหวของร่างกายทำได้สะดวกเพราะเมื่อเล่นฟิตบอลจะมีบางท่าที่ต้องนอนกลิ้งอยู่บนลูกบอล รวมทั้งท่าอื่นๆที่คล้ายกับการเต้นแอโรบิก

ส่วนการเลือกลูกบอล ต้องเลือกลูกบอลที่ขนาดพอดีกับร่างกายโดยดูตามส่วนสูงและน้ำหนักของเราเพื่อให้หย่อนตัวนั่งบนลูกบอลให้พอดีโดยสามารถเหยียดและวางเท้าบนพื้นได้

ทั้งนี้ ทางศูนย์สุขภาพฯ จะมีลูกบอลอยู่ 2 ขนาดคือขนาดใหญ่ (เส้นผ่าศูนย์กลาง 75 ซม.)ที่เหมาะสำหรับคนที่สูง 180 ซม.ขึ้นไป และขนาดกลาง (เส้นผ่าศูนย์กลาง 65ซม.) ที่เหมาะสำหรับคนที่สูง150 ซม.ขึ้นไป หรือผู้เล่นสามารถนำลูกบอลของตัวเองมาเล่นได้ เพราะอาจจะคุ้นเคยกับลูกบอลของตัวเองอยู่แล้ว แต่ต้องการครูฝึกช่วยดูแลก็สามารถมาเล่นที่ศูนย์สุขภาพฯได้

เมื่อทุกอย่างพร้อมสรรพแล้ว การออกกำลังกายต้องเริ่มจากการอบอุ่นร่างกายพื้นฐานก่อนคือสะบัดข้อมือ ข้อเท้า เอว หัวเข่า และยืดกล้ามเนื้อไหล่ หลัง แขน ขา ประมาณ10-15นาที จากนั้นก็เริ่มเล่นลูกบอล ซึ่งลูกบอลนั้นจะมีลายเป็นวงกลมไล่ตั้งแต่บริเวณหัวจุกของลูกบอลลงมาถึงหัวจุกอีกด้านหนึ่งของลูกบอล เมื่อเริ่มนั่งนั้นทางครูฝึกบอกว่าควรที่จะนั่งบริเวณหัวจุกซึ่งเป็นศูนย์กลางของวงกลมเพื่อให้ง่ายต่อการทรงตัวเมื่อนั่งบนลูกบอล

ต่อมาให้ผู้เล่นทำความคุ้นเคยกับลูกบอลก่อนโดยการนั่งโยกตัวไปมา จากนั้นก็เริ่มเข้าสู่การใช้ลูกบอลเข้ามาผสมผสานกับการออกกำลังกายในแบบต่างๆ ทั้งการเต้นแอโรบิก การเล่นโยคะ

นอกจากการเล่นฟิตบอลจะช่วยให้ผู้เล่นมีกล้ามเนื้อที่กระชับ แข็งแรงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ หน้าท้องที่แบนราบ รูปร่างที่สมส่วนแล้ว ฟิตบอลยังช่วยให้มีบุคลิกภาพที่ดี ซึ่งข้อดีของการเล่นฟิตบอลที่ดีอีกอย่างหนึ่งนั้น คือ ผู้เล่น ไม่จำเป็นต้องไปเล่นฟิตเนสก็ได้ ผู้เล่นสามารถเล่นได้ที่บ้าน เพียงแค่หาลูกฟิตบอลมานั่งอ่านหนังสือหรือดูทีวีแทนเก้าอี้ ขณะเดียวกันก็เก็บหน้าท้อง นั่งหลังตรงพยายามควบคุมบอลให้นิ่งประมาณวันละประมาณ 30 นาที แต่หากว่าต้องการตั้งใจเล่นจริงๆ ก็ควรไปที่ฟิตเนส เพราะจะมีการเล่นแบบท่าต่างๆ มากมายโดยมีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลอย่างใกล้ชิด

สำหรับฟิตบอล ทางศูนย์สุขภาพฯ จะเปิดให้บริการทุกวันจันทร์ เวลา 17.00-18.00 น.และวันพฤหัสบดี เวลา 18.30-19.30 น.

สเตปแอโรบิค
Step Aerobic


เป็นการเต้นแอโรบิคที่จะต้องใช้ Box Step นำมาประกอบการเต้นอยู่บน Step หรือรอบๆ ของ Step สำหรับประโยชน์ที่จะได้รับจากการเต้นก็คือ จะได้กล้ามเนี้อหัวใจและหลอดเลือดที่แข็งแรงยิ่งขึ้น

สอบถามเพิ่มเติม
อัจฉรา ขุนทอง
ศูนย์สุขภาพ อาคาร 30 ปี ศรีปทุม (อาคาร 9 ชั้น 11) มหาวิทยาลัยศรีปทุม (บางเขน) 61 ถ.พหลโยธิน เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900
โทร. : 0 2579 - 1111 ต่อ 2397-9
แฟกซ์ : 0 2579 - 1111
อีเมล์ : fitness@spu.ac.th