มีสถานที่รองรับในการออกกำลังกายที่ทันสมัย สะดวก ปลอดภัย ด้วยอุปกรณ์ที่หลากหลาย และกิจกรรมหลายอย่าง เช่น ฟิตเนส แอโรบิค โยคะ ฟิตบอล แอโรคิกบ๊อกซิ่ง เป็นต้น
อุปกรณ์ออกกำลังกาย
แอโรบิค
Aerobics Exercise แอโรบิก
เป็นการเต้นประกอบเพลงด้วยท่าที่ง่าย สนุกสนาน ไม่ซับซ้อน
เน้นการเคลื่อนไหวส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะแขนและขา
การเต้นแอโรบิกเป็นประจำจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตในร่างกาย ให้ทำงานได้ดีขึ้น
ร่างกายแข็งแรง สดชื่น กระปรี้กระเปร่า เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น
หรือผู้ที่ไม่ได้ออกกำลังกายมาเป็นเวลานาน
ประโยชน์
• ช่วยให้เกิดความอดทนแก่กล้ามเนื้อหัวใจ
• ระบบการหายใจทำงานได้เต็มที่มากขึ้น
• ช่วยลดระดับไขมันในเส้นเลือด
• ช่วยสร้างกล้ามเนื้อ
และความแข็งแรงให้แก่ร่างกาย
โยคะ
โยคะ หมายถึง
การสร้างความสมดุลของร่างกาย-จิตใจ และจิตวิญญาณ โดยรวมให้เป็นหนึ่งเดียว
ประโยชน์ของโยคะ
• กล้ามเนื้อ
ข้อต่อ และเอ็น ยืดหยุ่นมากขึ้น การทรงตัวดีขึ้น
• ปรับสภาพกระดูกสันหลัง
บำบัดอาการปวดหลัง คอ และศีรษะ
• เพิ่มการไหลเวียนของเลือด
บำบัดโรคภูมิแพ้
• กระตุ้นสมองให้ความจำดีขึ้น
คลายความเครียด แก้โรคนอนไม่หลับ
• ช่วยนวดอวัยวะภายในให้แข็งแรงขึ้น
เช่น หัวใจ มดลูก กระเพาะอาหาร ตับ ไต เป็นต้น
• ทำให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้น
เลือดไปที่ไตล้างไตให้สะอาดขึ้น ระบบการหายใจจะโล่งขึ้น
• ปรับระบบย่อยอาหารให้ดีขึ้น
• ใบหน้าดูอ่อนเยาว์
ผิวพรรณผ่องใส
• ทำให้การเผาผลาญแคลอรีในร่างกายเพิ่มขึ้น
ได้พลังงานเสริมความแข็งแรง
• ช่วยลดน้ำหนัก
ร่างกายมีสัดส่วนดีขึ้น
แอโรคิกบ็อกซิ่ง
ออกกำลังกาย แอโรบ็อกซิ่ง Aeroboxing
Exercise ออกกำลังกายโดยใช้ทักษะการป้องกันตัวต่างๆ
มาประยุกต์ใช้ ซึ่งเป็นการบริหารหัวใจ เสริมสร้างกล้ามเนื้อ
และเผาผลาญไขมันสาธิตการออกกำลังกายประกอบจังหวะ เต้นตามครูฝึกได้ทันที
บริหารหน้าท้อง
เป็นเรื่องไม่ยากแต่ก็ไม่ง่าย เพราะต้องอาศัยความตั้งใจ
มุ่งมั่น อดทน และเสมอต้นเสมอปลาย
ถ้าอยากประสบผลสำเร็จให้หมั่นจินตนาการรูปร่างตนเองตอนหุ่นกำยำล่ำบึก
หน้าท้องแบนราบไว้บ้างก็จะเป็นแรงใจได้ดีทีเดียว
การลดหน้าท้องให้ได้ผลต้องผสานควบคู่ไปกับการดูแลเรื่องอาหารการกิน หยุดตามใจปาก
หลีกเลี่ยงอาหารจำพวกแป้ง น้ำตาล และไขมันเอาไว้
ขณะเดียวกันต้องออกกำลังกายอย่างถูกวิธี
สิ่งแรกที่พึงปฏิบัติ
และต้องเคร่งครัดเสมอก่อนการบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้องทุกครั้ง คุณจะต้องทำการ stretching
ประมาณ 20 นาที เพื่อยืดกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ
เหมือนปลุกให้กล้ามเนื้อของคุณตื่นขึ้นมาพร้อมรับงานหนักเสียก่อน
ขั้นตอนนี้จะช่วยลดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อได้มาก เช่น การยึดแขน ขา บิดลำตัว
หมุนข้อต่างๆ ตามหลัก stretching อันเป็นพื้นฐานสำหรับการออกกำลังกายทุกชนิดทุกประเภท
หลังจากนั้นให้ตามด้วยการออกกำลังกายแบบแอโรบิค คือการออกกำลังกายต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า
15-45 นาที เพื่อวอร์มอัพร่างกาย
กล้ามเนื้อหน้าท้องคนเราแบ่งเป็น 3
ส่วน คือ หน้าท้องส่วนบน หน้าท้องส่วนกลาง และหน้าท้องส่วนล่าง
ถ้าจะให้พุงของคุณแบนราบกลับไปเหมือนเมื่อเป็นหนุ่ม ก็ควรบริหารให้ครบทั้ง 3
ส่วน ในหนึ่งคราว
วิธีบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้องให้แบนราบอย่างถูกต้อง
ควรปฏิบัติดังนี้
1 คุณต้องบริหารอย่างช้าๆ และตั้งใจ
บริหารอย่างเต็มที่ อย่ารีบทำเร็วๆ และอย่ากระตุก
2 ขณะบริหารพยายามให้กล้ามเนื้อหดตัวมากที่สุด
เพื่อให้กล้ามเนื้อเคลื่อนไหว และทำงานอย่างเต็มที่
3 ควรบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้อง สัปดาห์ละ 3-4
ครั้งก็พอ ไม่จำเป็นต้องบริหารทุกวัน ถ้าจะให้ดี ควรบริหารวันเว้นวัน
4 ในกรณีที่บริหารกล้ามเนื้อส่วนอื่นด้วย
คุณต้องเก็บการบริหารหน้าท้องไว้ตอนท้ายสุด
เพราะถ้าเริ่มต้นเล่นด้วยการบริหารหน้าท้องก่อนร่างกายจะเหนื่อยล้า
ทำให้ไม่สามารถบริหารส่วนอื่นได้ อย่างเต็มที่
5 ควรบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้องให้ครบทั้ง 3
ส่วน
หลักการบริหารหน้าท้อง
- ถ้าต้องการบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้องส่วนบน
ต้องล็อคตัวส่วนล่างอย่าให้ขยับ
- ถ้าต้องการบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้องส่วนล่าง
ต้องล็อคตัวส่วนบนอย่าให้ขยับ
พบกับคลาสบริหารหน้าท้องกับเราได้ที่ศูนย์สุขภาพอาคาร
9 ชั้น 11
ทุกวันจันทร์
วันพุธ และวันศุกร์ เวลา 18.00-18.30 น.
ทุกวันอังคาร และวัพฤหัสบดี เวลา 16.00-16.30 น.
ฟิตบอล
“ฟิตบอล
อีกทางเลือกของผู้รักการออกกำลังกาย”
สำหรับบรรดาผู้รักสุขภาพและรักการออกกำลังกายแล้ว
ขณะนี้ “ฟิตบอล” ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกใหม่ในการออกกำลังกายที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทุกขณะ
ทั้งในวงการฟิตเนสต่างประเทศรวมถึงในประเทศไทย โดยเฉพาะบรรดาสาวๆสมัยใหม่ทั้งหลาย
ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติและความเป็นมาของฟิตบอลว่า
ในปี ค.ศ.1963
ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ได้มีการนำลูกบอลมาใช้ในการบริหารและเรียกการออกกำลังกายชนิดนี้ว่า
“สวิสบอล” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อออกกำลังกายและทำกายภาพบำบัดผู้ป่วยหลังการผ่าตัดกระดูก
ให้สามารถยืดหยุ่นกล้ามเนื้อและร่างกายให้ดีขึ้น
ต่อมาทางสหรัฐอเมริกาเห็นถึงประโยชน์ของการฝึกสวิสบอล
จึงได้นำมาประยุกต์ใช้สำหรับคนปกติ
พร้อมทั้งคิดค้นและผสมผสานกับหลักการการออกกำลังกายแบบแอโรบิกเข้าไป
รวมทั้งเลือกเพลงประกอบการฝึกที่สนุกสนานแล้วเรียกชื่อใหม่ว่า ฟิตบอล
อย่างไรก็ตาม
ด้วยความที่ลูกฟิตบอลทำจากยางสังเคราะห์ที่มีคุณสมบัติพิเศษ
สามารถรับน้ำหนักได้เป็นอย่างดีมีความยืดหยุ่นสูง
จึงได้มีการนำไปใช้ประกอบการออกกำลังกายชนิดอื่นๆ ได้อีกด้วย เช่น โยคะ พิลาทีส
“การออกกำลังกายด้วยฟิตบอลทำให้ผู้เล่นสนุกสนาน
เราสามารถขึ้นไปนั่งหรือนอนบนลูกบอลได้
สบายๆ แถมยังโยกตัวหมุนซ้ายขวาได้ตามทิศทางที่เรากำหนด
ขณะเดียวกันความกลมกลิ้งของลูกบอลที่กระเด้งกระดอนยังช่วยให้ผู้เล่นสนุกสนานไปพร้อมๆ
กันด้วย”
ฟิตบอลเป็นการออกกำลังกายที่สามารถเล่นได้ทุกเพศทุกวัย
อีกทั้งอุปกรณ์ที่เป็นลูกบอลซึ่งช่วยให้ผู้เล่นสนุกสนานไปกับการออกกำลังกาย
และยังช่วยให้ผู้ที่ไม่สามารถเล่นฟิตเนส
รวมทั้งการเต้นแอโรบิกสามารถที่จะเล่นฟิตบอลได้
ส่วนประโยชน์ที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ
ฟิตบอลจะช่วยบริหารร่างกายส่วนบน ตั้งแต่หัวไหล่ หน้าท้อง แผ่นหลัง
ไปจนถึงสะโพกและต้นขา ซึ่งนำมาปรับใช้ในการบำบัดรักษาอาการบางอย่างเช่น
อาการปวดหลัง ปวดไขข้อกระดูก
ขณะที่การควบคุมแรงดีดกลับของลูกบอลก็ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ
เพิ่มประสิทธิภาพในการทรงตัวและการทำงานของอวัยวะแต่ละส่วนให้สัมพันธ์กัน
รวมถึงสามารถประยุกต์ท่าทางตั้งแต่ยืดเส้นสาย การควบคุมการหายใจ
การบริหารกล้ามเนื้อ
นอกจากนั้น การยกน้ำหนักแบบฟรีเวต (free
weight) หรือแม้แต่โยคะสามารถนำมาใช้กับฟิตบอลได้อีกด้วย
ที่สำคัญคนที่ไม่สะดวกในการกระโดดโลดเต้นกับพื้นแบบแอโรบิกแบบเดิมๆ เช่น
หญิงมีครรภ์ ผู้สูงอายุ สามารถนั่งบริหารบนฟิตบอลทดแทนได้เช่นกัน
เริ่มเล่นฟิตบอล
สำหรับการเตรียมตัวเพื่อมาเล่นฟิตบอลนั้น
ก็คล้ายกับการเตรียมตัวมาเล่นฟิตเนส คือ ใส่เสื้อผ้าที่เหมาะกับรูปร่าง
ไม่รัดจนเกินไป
เพื่อให้การเคลื่อนไหวของร่างกายทำได้สะดวกเพราะเมื่อเล่นฟิตบอลจะมีบางท่าที่ต้องนอนกลิ้งอยู่บนลูกบอล
รวมทั้งท่าอื่นๆที่คล้ายกับการเต้นแอโรบิก
ส่วนการเลือกลูกบอล
ต้องเลือกลูกบอลที่ขนาดพอดีกับร่างกายโดยดูตามส่วนสูงและน้ำหนักของเราเพื่อให้หย่อนตัวนั่งบนลูกบอลให้พอดีโดยสามารถเหยียดและวางเท้าบนพื้นได้
ทั้งนี้ ทางศูนย์สุขภาพฯ จะมีลูกบอลอยู่ 2
ขนาดคือขนาดใหญ่ (เส้นผ่าศูนย์กลาง 75 ซม.)ที่เหมาะสำหรับคนที่สูง 180
ซม.ขึ้นไป และขนาดกลาง (เส้นผ่าศูนย์กลาง 65ซม.)
ที่เหมาะสำหรับคนที่สูง150 ซม.ขึ้นไป
หรือผู้เล่นสามารถนำลูกบอลของตัวเองมาเล่นได้
เพราะอาจจะคุ้นเคยกับลูกบอลของตัวเองอยู่แล้ว
แต่ต้องการครูฝึกช่วยดูแลก็สามารถมาเล่นที่ศูนย์สุขภาพฯได้
เมื่อทุกอย่างพร้อมสรรพแล้ว
การออกกำลังกายต้องเริ่มจากการอบอุ่นร่างกายพื้นฐานก่อนคือสะบัดข้อมือ ข้อเท้า เอว
หัวเข่า และยืดกล้ามเนื้อไหล่ หลัง แขน ขา ประมาณ10-15นาที
จากนั้นก็เริ่มเล่นลูกบอล
ซึ่งลูกบอลนั้นจะมีลายเป็นวงกลมไล่ตั้งแต่บริเวณหัวจุกของลูกบอลลงมาถึงหัวจุกอีกด้านหนึ่งของลูกบอล
เมื่อเริ่มนั่งนั้นทางครูฝึกบอกว่าควรที่จะนั่งบริเวณหัวจุกซึ่งเป็นศูนย์กลางของวงกลมเพื่อให้ง่ายต่อการทรงตัวเมื่อนั่งบนลูกบอล
ต่อมาให้ผู้เล่นทำความคุ้นเคยกับลูกบอลก่อนโดยการนั่งโยกตัวไปมา
จากนั้นก็เริ่มเข้าสู่การใช้ลูกบอลเข้ามาผสมผสานกับการออกกำลังกายในแบบต่างๆ
ทั้งการเต้นแอโรบิก การเล่นโยคะ
นอกจากการเล่นฟิตบอลจะช่วยให้ผู้เล่นมีกล้ามเนื้อที่กระชับ
แข็งแรงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ หน้าท้องที่แบนราบ รูปร่างที่สมส่วนแล้ว
ฟิตบอลยังช่วยให้มีบุคลิกภาพที่ดี
ซึ่งข้อดีของการเล่นฟิตบอลที่ดีอีกอย่างหนึ่งนั้น คือ ผู้เล่น
ไม่จำเป็นต้องไปเล่นฟิตเนสก็ได้ ผู้เล่นสามารถเล่นได้ที่บ้าน
เพียงแค่หาลูกฟิตบอลมานั่งอ่านหนังสือหรือดูทีวีแทนเก้าอี้
ขณะเดียวกันก็เก็บหน้าท้อง นั่งหลังตรงพยายามควบคุมบอลให้นิ่งประมาณวันละประมาณ 30
นาที แต่หากว่าต้องการตั้งใจเล่นจริงๆ ก็ควรไปที่ฟิตเนส
เพราะจะมีการเล่นแบบท่าต่างๆ มากมายโดยมีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลอย่างใกล้ชิด
สำหรับฟิตบอล ทางศูนย์สุขภาพฯ
จะเปิดให้บริการทุกวันจันทร์ เวลา 17.00-18.00
น.และวันพฤหัสบดี เวลา 18.30-19.30 น.
สเตปแอโรบิค
Step Aerobic
เป็นการเต้นแอโรบิคที่จะต้องใช้ Box
Step นำมาประกอบการเต้นอยู่บน Step หรือรอบๆ
ของ Step สำหรับประโยชน์ที่จะได้รับจากการเต้นก็คือ
จะได้กล้ามเนี้อหัวใจและหลอดเลือดที่แข็งแรงยิ่งขึ้น
สอบถามเพิ่มเติม
อัจฉรา ขุนทอง
ศูนย์สุขภาพ อาคาร 30 ปี ศรีปทุม (อาคาร 9 ชั้น 11) มหาวิทยาลัยศรีปทุม (บางเขน) 61 ถ.พหลโยธิน เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900
โทร. : 0 2579 - 1111 ต่อ 2397-9
แฟกซ์ : 0 2579 - 1111
อีเมล์ : fitness@spu.ac.th